พฤติกรรมขัดขวางตัวเองอาจเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน แต่ที่จริงแล้วการขัดขวางตัวเองหมายความว่าอย่างไร และทำไมเราถึงทำเช่นนั้น? ด้านล่างนี้ ฉันจะอธิบายสาเหตุที่แท้จริงของการขัดขวางตัวเอง วิธีรู้ว่าเมื่อไรเกิดขึ้นกับคุณ และขั้นตอนเชิงปฏิบัติเพื่อเอาชนะมัน
การขัดขวางตัวเองหมายถึงพฤติกรรมหรือรูปแบบความคิดที่ฉุดรั้งเราและป้องกันไม่ให้เราบรรลุเป้าหมายได้ บ่อยครั้งพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หมายความว่าเราอาจไม่ทันสังเกตว่าเรากำลังทำอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็สามารถเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อความก้าวหน้าและส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา
การตระหนักถึงพฤติกรรมขัดขวางตัวเองเป็นก้าวแรกในการเอาชนะมัน ต่อไปนี้คือสัญญาณที่พบบ่อย:
การผัดวันประกันพรุ่ง: การเลื่อนงานออกไปตลอดเวลา แม้แต่งานที่มีความสำคัญ
การพูดกับตัวเองในแง่ลบ: การตำหนิตัวเองและสงสัยในความสามารถของตน
ความสมบูรณ์แบบ: การตั้งมาตรฐานที่ไม่สมจริงและวิพากษ์ตนเองมากเกินไปเมื่อไม่สามารถทำได้
การหลีกเลี่ยง: การอยู่ห่างจากสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวหรือความไม่สบายใจ.
การใช้สารเสพติด: การใช้ยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์เพื่อรับมือกับความเครียดหรือหลีกเลี่ยงการจัดการปัญหา.
การรับภาระมากเกินไป: การรับความรับผิดชอบมากเกินไปจนเกิดภาวะหมดไฟ และล้มเหลวในการทำตามข้อผูกพัน.
การทำความเข้าใจว่าทำไมเราจึงมีพฤติกรรมบ่อนทำลายตนเองสามารถช่วยให้เราจัดการกับต้นตอของปัญหาได้ เหตุผลทั่วไปบางประการ ได้แก่:
หลายคนกลัวความล้มเหลวอย่างรุนแรงจนเผลอบ่อนทำลายความพยายามของตนเองโดยไม่รู้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดหรือความอับอายที่อาจเกิดขึ้น ความกลัวนี้ อาจมาจากประสบการณ์ในอดีต ซึ่งครั้งที่ล้มเหลวเคยนำไปสู่ผลลัพธ์ในแง่ลบหรือความอับอาย.
หากเราไม่เชื่อในความสามารถของเรา เราอาจ กระทำโดยไม่รู้ตัว ในแบบที่สอดคล้องกับความเชื่อนี้. ความนับถือตนเองต่ำอาจทำให้ขาดแรงจูงใจและมีแนวโน้มยอมแพ้ได้ง่ายขึ้น.
การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เรารู้สึกหวาดหวั่นได้ แม้ว่าเราจะอยากพัฒนาตัวเอง แต่การก้าวออกจากเขตสบายอาจกระตุ้นพฤติกรรมทำลายตนเองเพื่อ รักษาความคุ้นเคยและความปลอดภัย.
บาดแผลในอดีตอาจทำให้เรารู้สึกเปราะบางและไม่มั่นคง ความรู้สึกเหล่านี้อาจปรากฏเป็นพฤติกรรมทำลายตนเองเพื่อ ปกป้องตนเองจากภัยคุกคามที่รับรู้.
ความเครียดเรื้อรัง สะสมในร่างกาย เมื่อเวลาผ่านไป จนทำให้ระบบประสาทเสียสมดุล:
ความเครียดเรื้อรังสะสมในระบบประสาท จนนำไปสู่ความท้าทายด้านสุขภาพจิตและร่างกาย
ในสภาวะที่ไม่สมดุลนี้ ชีวิตจะสามารถพาเราเข้าสู่สภาวะไม่สมดุลบน NEUROFIT Ring ด้านล่างได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่พฤติกรรมทำลายตนเองมักเกิดขึ้นมากที่สุด:
วงแหวน NEUROFIT แสดงถึงหกสภาวะของระบบประสาท และการเปลี่ยนผ่านระหว่างกัน
แม้ว่าการตระหนักถึงพฤติกรรมทำลายตนเองจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ขั้นตอนต่อไปคือการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อจัดการกับพฤติกรรมนั้น ต่อไปนี้คือกลยุทธ์เชิงปฏิบัติ:
การเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้คุณแสดงพฤติกรรมบ่อนทำลายตนเอง สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงหรือจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น จดบันทึก เพื่อติดตามความคิดและการกระทำของคุณ.
การตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จะช่วยป้องกันความรู้สึกท่วมท้นและความผิดหวัง แบ่งงานใหญ่ให้เป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่จัดการได้ง่าย และ กำหนดขอบเขต เมื่อจำเป็นเพื่อรักษาความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง.
แทนที่ความคิดด้านลบด้วย คำยืนยันเชิงบวก. เตือนตัวเองถึงจุดแข็งและความสำเร็จที่ผ่านมาเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง.
การพูดคุยกับนักบำบัดหรือนักโค้ชสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่มีค่าในการเอาชนะพฤติกรรมบ่อนทำลายตนเอง พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและการสนับสนุนที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ.
แอป NEUROFIT ยังมีโค้ช AI ที่สามารถช่วยคุณแก้ไขอุปสรรคทางจิตใจและอารมณ์ที่ติดค้างอยู่ในร่างกายได้ภายในไม่กี่นาที:
โค้ชปัญญาประดิษฐ์ของแอป NEUROFIT ช่วยให้คุณขจัดความเครียดที่ยืดเยื้อได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นส่วนตัวผ่านการสนทนาทางข้อความ
การสร้างกิจวัตรประจำวันที่ดีต่อสุขภาพสามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความยืดหยุ่นได้ จงยึดมั่นในกิจวัตรประจำวันที่บำรุงทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ เช่น การออกกำลังกายประจำวัน, การทำสมาธิ และการเล่นเชิงสังคม เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ระบบประสาทของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งจะลดโอกาสในการบ่อนทำลายตนเอง:
ระบบประสาทที่สมดุลจะพร้อมรับมือกับความเครียดและความท้าทายได้ดีกว่า
แอป NEUROFIT สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเอาชนะพฤติกรรมการบ่อนทำลายตนเอง ช่วยให้คุณเช็คอินกับระบบประสาท วัดระดับความเครียด และรับแบบฝึกหัดเฉพาะบุคคลเพื่อ ปรับสมดุลระบบประสาทของคุณ ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวัน
โปรแกรมระบบประสาทแบบมีผู้แนะนำของแอป NEUROFIT ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเครียดและบรรเทาภาวะหมดไฟได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
โดยปกติแล้ว คุณจะรู้สึกถึงความตึงเครียดหรือความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายก่อนที่จะบ่อนทำลายตนเอง ครั้งต่อไปที่เกิดขึ้น ลองปลดปล่อยความตึงเครียดนั้นออกจากร่างกายโดยการทำท่า Cannon สักสองสามนาที:
สัญญาณทั่วไป ได้แก่ การผัดวันประกันพรุ่ง การพูดกับตนเองในแง่ลบ การยึดติดความสมบูรณ์แบบ การหลีกเลี่ยง การใช้สารเสพติด และการรับภาระมากเกินไป.
ผู้คนทำลายตนเองด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ความกลัวความล้มเหลว ความนับถือตนเองต่ำ โซนความสบายที่ไม่อยากออกมา บาดแผลที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และความไม่สมดุลของระบบประสาท.
ขั้นตอนปฏิบัติที่ช่วยหยุดพฤติกรรมทำลายตนเอง ได้แก่ การระบุสิ่งกระตุ้น การตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง การฝึกพูดกับตนเองในแง่บวก การขอคำปรึกษาจากโค้ช การพัฒนากิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพ และการใช้แอปปรับสมดุลระบบประสาท เช่น NEUROFIT.
แอป NEUROFIT ช่วยให้คุณตรวจสอบระบบประสาทของตนเอง วัดระดับความเครียด และรับแบบฝึกหัดเฉพาะบุคคลเพื่อปรับสมดุลให้ระบบประสาท ด้วยการลดความเครียดและเสริมสร้างความยืดหยุ่น คุณจะสามารถเอาชนะพฤติกรรมทำลายตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
การเข้าใจพฤติกรรมทำลายตนเองและลงมือแก้ไขอย่างเชิงรุก สามารถนำไปสู่ชีวิตที่สมดุลและเติมเต็มมากขึ้น เมื่อจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงและใช้เครื่องมืออย่างแอป NEUROFIT คุณจะสามารถหลุดพ้นจากการทำลายตนเองและบรรลุศักยภาพที่แท้จริงของตนเองได้.